ถามแพทย์

  • ตรวจพบการตั้งครรภ์ ต่อมามีเลือดไหล หมอวินิจฉัยว่าแท้ง แต่เลือดไหลจนถึงวันนี้ ผิดปกติไหม

  •  appa020235
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูอายุ 26 ปี ท้องที่สองแล้วค่ะ

               เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมาได้ตรวจพบการตั้งครรภ์ค่ะ ประจำเดือนครั้งสุดท้ายวันที่ 22 สิงหาคม ได้ไปพบแพทย์ที่คลินิค ตรวจเลือดแล้วค่า beta hcg 136,59,54 ลดลงตามลำดับค่ะ คุณหมอแจ้งว่าแท้ง จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.จุฬา เมื่อวันที่ 2 ตค ที่ผ่านมาคุณหมอแจ้งว่า ผลอัลตร้าซาวน์ในมดลูกสะอาดดี ไม่มีอะไรตกค้าง ไม่ได้ทำการขูดมดลูกหรือกินยาใดๆทั้งสิ้นค่ะ รอให้เลือดหยุดไหลก็กลับมาเป็นปกติ

             เลือดไหลตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน ค่ะ เฉลี่ยวันละ 1-2 แผ่น มีสีเลือดค่อนข้างคล้ำ มีลิ่มเลือดปนออกมาด้วยค่ะ ไม่มีอาการปวดท้อง ไม่มีไข้ค่ะ แต่มาวันนี้ 15 พฤศจิกายน เลือดกลับมาไหลอีกครั้งค่ะ สีของเลือดค่อนข้างสด ไม่มีลิ่มเลือดหรือก้อนเลือด  อยากสอบถามคุณหมอว่าผิดปกติไหมคะ ควรจะทำอย่างไร แล้วสามารถคุมกำเนิดได้เลยหรือไม่คะ ตอนนี้ยังไม่ได้คุมกำเนิดค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ appa020235,

                    หากได้ตรวจอัลตราซาวด์แล้ว ไม่พบมีอะไรตกค้างในมดลูกอีก ก็น่าจะเป็นการแท้งสมบูรณ์ ซึ่งหลังการแท้งอาจมีเลือดออกจากช่องคลอดได้นาน 1-3 สัปดาห์ หรือในบางรายอาจนานถึง 4 สัปดาห์ แต่ปริมาณเลือดที่ออกจะค่อยๆ ลดลง และไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ มีไข้ เป็นต้น

                    ดังนั้น หากเลือดไหลมาตั้งแต่ 2 ต.ค. (นับจากวันที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นแท้งสมบูรณ์จนถึงวันที่ 13 พ.ย. และในวันนี้ยังคงไหลออกมาอีก โดยที่ไม่มีอาการปวดท้อง ไม่มีไข้ ก็ไม่น่าเกิดจากการติดเชื้อในมดลูกแต่อย่างใด แต่อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น 

                     - การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ

                     - การใช้ยาออร์โมนต่างๆ เช่น ยาสตรี ยาสมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ

                      - มีโรคในระบบอื่นๆ เช่น ไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ การใช้ยาละลลายลิ่มเลือด เป็นต้น

                       นอกจากนี้ หากได้มีเพศสัมพันธ์หลังแท้ง ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ต่อได้ และเลือดที่ออก อาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ก็ได้ ดังนั้น หากที่ผ่านมา ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูร่วมด้วย 

                       และหลังจากนี้ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมไปด้วย และหากเลือดยังไม่หยุดไหล ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ