ถามแพทย์

  • มีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ ไปพบแพทย์ได้ยามากินและฉีดยา ยาหมดเป็นอีกอันตรายไหมค่ะ

  •  pattanun
    สมาชิก

    สวัสดีคะ ดิฉันมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติเป็นเวลา 18 วันแล้วคะ คือ ประจำเดือนมาวันที่ 5 มีนาคม 2561 เป็นมากประมาณ 2-3 วัน จากนั้นมากระปริบกระปรอย และหยุดวันที่ 11 มีนาคม 2561 หลังจากประจำเดือนหยุด มีเพศสัมพันธ์กับแฟน แต่ยังไม่ได้กินยาคุมกำเนิด ประมาณ 2 ครั้ง หลังจากนั้น 3 วันไปซื้อยาคุมกำเนิดมากิน ก็กินปกติทุกวันคะ คืนวันที่ 25 มีนาคม 2561 มีเพศสัมพันธ์กับแฟนมีเลือดปนมากับน้ำอสุจิ  พอเช้าวันที่ 26 มีนาคม 2561 มีเลือดออกจากช่องคลอดปริมาณมากคล้ายเป็นประจำเดือน  ประมาณ 4-5 วัน ดิฉันไปพบสูตินารีแพทย์ หมอให้ยาปรับฮอร์โมนมากิน และอัลตาซาวด์บอกว่าปกติ ให้กินยา 1 สัปดาห์ กินยาไป 1 สัปดาห์ก็ไม่หาย จึงไปพบหมออีกครั้ง หมอก็อัลตาซาวด์อีกครั้งบอกว่าปกติ ฉีดยาหยุดประจำเดือนให้และก็ให้ยาปรับฮอร์โมนมากินต่ออีก และก็ให้กินยาคุมไปด้วยเหมือนเดิม แรกๆ2-3วัน เลือดหยุดไหลในปริมาณมากแต่ยังมีกระปริดกระปรอยออกมาบ้าง เมื่อคืน8 เมษายน 2561 มีเพศสัมพันธ์กับแฟน ตื่นเช้ามามีเลือดไหลมากเหมือนประจำเดือนอีกครั้ง

    อยากทราบสาเหตุคะ และการมีเพศสัมพันธ์แล้วมีเลือดออกในช่องคลอดอันตรายไหมคะ หลังจากประจำเดือนหมด 2-3 วันมีเพศสัมพันธ์ยังไม่กินยาคุม จะท้องได้ไหมคะ...ขอบพระคุณคะ 

    สวัสดีคะคุณ pattanum

    คงต้องหาสาเหตุแล้วค่ะว่าทำไหมมีปัญหาเลือดออกผิดปกติค่ะ อย่างนี้อาจจะต้องดูว่าการกิจกรรมทางเพศ มีการสอดใส่วัตถุอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ค่ะ ถ้าไม่มีแล้วมีเลือดออกทุกครั้งจะต้องมองหาว่ามีแผลที่ปากมดลูก

    มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือด 

    หรือมีปัญหาเรื่องตับหรือไม่ค่ะ

    เพราะต้องแยกให้ได้ก่อนว่าเกิดจากกิจกรรมทางเพศหรือโรคอย่างอื่นที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติค่ะ เพราะการใช้ยาฉีดหยุดเลือด และ การใช้ยาฮอร์โมนในการปรับระดับฮอร์โมนมักจะทำให้เรื่องเลือดออกผิดปกติดีขึ้นค่ะ 

    คงต้องแนะนำตรวจอย่างอื่นเพื่อเติมค่ะ

    วิตามินเค ก็อาจจะมีผลด้วยนะค่ะ 

    ดูว่ามีเลือดออกตามไรฟัน มีผื่นตามตัว หรือ มีปัญหาปวดข้อร่วมด้วยหรือไมค่ะ

    ปรึกษาแพทย์สูตินรีเวช เพื่อขอคำแนะนำตรวจเพิ่มเติมอย่างอื่นค่ะ