ถามแพทย์

  • หยุดกินยาคุม มีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนไม่มา ตรวจแล้วไม่ท้อง แล้วมีเลือดสีน้ำตาลออกมา คืออะไร

  •  Tonkaow Intha
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ คุณหมอ หนูกับแฟนตั้งใจจะมีลูกคือพร้อมทุกอย่างแล้ว ปกติประจำเดือนหนูแต่ละเดือนก็มาไม่ตรงอยู่แล้ว หนูเคยฝังเข็มยาคุมมา 5 ปี ฉีดยาคุมอีก 3 เดือน และ กินยาคุมแบบ 28 เม็ด 2 เดือน แล้วก็หยุดกิน ประจำเดือนมาครั้งล่าสุด มาวันที่ 8-12 เดือน กรกฎาคม มีอะไรกับแฟนวันที่ 18 กรกฎาคม ปล่อยตั้งใจจะมีลูก แล้วพอมาเดือนสิงหาคมประจำเดือนหนูไม่มา หนูก็คิดว่าท้อง ซื้อที่ตรวจครร มาตรวจ 5 ครั้ง ก็ขึ้น ขีดเดียวๆ พอมาวันที่ 6 เดือนกันยา มีเลือดออกเล็กน้อย แต่เป็นสีน้ำตาล เป็นเวลา 4 วันแล้ว ปวดเอวปวดท้องเหมือนประจำเดือนแต่ปวดไม่มากเท่าไร อาการแบบนี้ผิดปกติหรือป่าวคะ และ จะเป็นอะไรหรือเปล่า

    สวัสดีค่ะ คุณ Tonkaow Intha,

                         หากประจำเดือนล่าสุดมา 8-12 ก.ค. แล้วในเดือน ส.ค. ยังไม่มา เมื่อตรวจหาการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องแล้ว พบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ 

                         ส่วนเลือดที่ออกในวันที่ 6 ก.ย.จนถึงวันนี้ ก็อาจเป็นเลือดประจำเดือนได้ ซึ่งการที่ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ อาจเป็นผลจากการที่เพิ่งหยุดทานยาคุมกำเนิด ซึ่งก่อนหน้านั้น ก็ได้ฉีดยาคุมกำเนิดไป การทำงานของรังไข่จึงอาจยังไม่กลับมาทำงานเป็นปกติค่ะ 

                         ดังนั้น ควรสังเกตเลือดที่ออกไปก่อน หากออกไม่เกิน 7 วัน ก็น่าจะเป็นประจำเดือนได้ ซึ่งก็ไม่มีอันตรายอะไร และหลังจากนี้ รังไข่น่าจะกลับมาทำงานเป็นปกติแล้ว และการตกไข่ก็น่าจะมีเกิดขึ้น ดังนั้น หากต้องการที่จะตั้งครรภ์ ก็ให้มีเพศสัมพันธ์หลังจากนี้ไปเป็นประจำค่ะ หรือหากให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มาก ก็อาจใช้ชุดตรวจกาการตกไข่ช่วยค่ะ

                          แต่หากเลือดที่ออก ออกนานหลายวัน หรือยังคงมีปวดท้องน้อยต่อเนื่อง อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้ เช่น มีมดลูกอักเสบ ในกรณีนี้ ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจค่ะ