ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกัน หลังจากนั้นมีอาการผิดปกติ สงสัย HIV

  •  Charmmie Deechaya Káenmáion
    สมาชิก
    คือ2-3เดือนที่ผ่านมา มีอาการบวมตึงคันแสบๆร้อนๆนิดๆเวลาจับเป็นตามมือ เท้า หนักๆก็มือรามถึงแขนแล้วล่าสุดมีอาการถ่ายเหลวแต่ไม่ปวดท้องอะไรเวลาถ่ายปกติเช้า เย็นแต่ถ่ายเหลวมา4-5วัน แลก็มีไข้ กินยาก็หาย แล้วก็กลับมาเป็นอีกประมาน2วัน แล้วรู้สึกหน้าชาๆ อยากทราบว่าเป็นอะไรเกี่ยวกับhivรึป่าวเพราะช่วงปีใหม่มีเพศสัมพันโดยไม่ได้ป้องกันค่ะ
    Charmmie Deechaya Káenmáion  Natthaphat
    แพทย์

     สวัสดีค่ะ

    เนื่องจากคุณ Charmmie สงสัยการติดเชื้อ HIV หมอขออธิบายไว้คร่าวๆดังนี้ค่ะ

    HIV เป็นชื่อของไวรัสอันตรายชนิดหนึ่งซึ่งสามารถนำไปสู่โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ค่ะโดยเชื้อนี้ติดต่อได้ 3 ทาง คือ

    1.ผ่านทางเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ,การรับเลือด

    2.ผ่านทางเพศสัมพันธ์ โดยมีการสัมผัสโดยตรงของน้ำอสุจิ หรือสารคัดหลั่งจากช่องคลอด

    3.ผ่านทางแม่สู่ลูก ทั้งระหว่างการตั้งครรภ์และการให้นมบุตร

     

    การติดเชื้อแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

    1.ระยะเฉียบพลัน เป็นระยะแรกหลังได้รับเชื้อไป 2-4 สัปดาห์ อาการคล้ายผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ผื่นขึ้น ตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโต มีความเสี่ยงสูงในการแพร่เชื้อไวรัสให้กับผู้อื่น

    2.ระยะไม่มีอาการ เป็นระยะหลังผ่านระยะแรกมาแล้ว แต่ยังสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ โดยระยะนี้อาจยาวนานถึง 10 ปี

    3.ระยะโรคเอดส์ เป็นระยะสุดท้าย เป็นระยะที่เกิดการทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างรุนแรงทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคฉวยโอกาส เช่น แบคทีเรียหรือเชื้อรา ผู้ป่วยระยะนี้จะมาด้วยอาการที่หลากหลายขึ้นอยู่กับเชื้อโรคฉวยโอกาสนั้นๆ เช่น ไข้ ไอเรื้อรัง ปวดหัว ชักเกร็ง เบื่ออาหารน้ำหนักลด เป็นต้น

    ทั้งนี้ การวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV สามารถทำได้ตรวจการตรวจเลือดค่ะ

    กรณีนี้คุณ Charmmie มีความเสี่ยงโรคดังกล่าวเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันค่ะ ขอแนะนำให้ไปตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV ได้ตามโรงพยาบาลหรือคลีนิกได้ค่ะ

    โดยการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อสามารถทำได้ตั้งแต่ 7-14 วันหลังมีเหตุการณ์เสี่ยงขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจ

    ทั้งนี้แพทย์อาจขอความร่วมมือในการตรวจเลือดซ้ำขึ้นอยู่กับผลการตรวจครั้งแรกและปัจจัยความเสี่ยงของผู้รับการตรวจค่ะ