ถามแพทย์

  • หยุดทานยาคุมกำเนิดแล้วประจำเดือนทำไมไม่มา

  •  ladsakorn
    สมาชิก

    เรียนปรึกษาคุณหมอค่ะ

    เมื่อก่อนเป็นคนอ้วนมาก น้ำหนัก 95 กก. ประจำเดือนจะมา 3 หรือ 6 เดือนครั้งนึง (เป็นไม่เกิน 2 วันค่ะ) แล้วไปปรึกษาคุณหมอที่ รพ. คุณหมอแนะนำให้ทานยาคุมช่วยปรับฮอร์โมน หลังจากนั้นก็ทานมาตลอด ประจำเดือนก็มาทุกเดือน ทานมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ แต่ล่าสุดตรวจสุขภาพประจำปีคุณหมออีก รพ.นึงแนะนำให้หยุดยา แล้วใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ยาที่กินแผงล่าสุด 29 ธ.ค.59 - 18 ม.ค. 60 (ทานแบบ 21 เม็ด) หลังจากยาหมด ประจำเดือนมาวัันที่ 23 - 25 ม.ค. 60 และหลังจากนั้นก็ไม่ได้กินยา แต่เปลี่ยนมาคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางแทน ซึ่งถ้านับแล้วประจำเดือนควรจะต้องมาระหว่างวันที่ 16 - 22 ก.พ. แต่นี่เลยมา 1 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่มา

    รบกวนคุณหมอช่วยชี้แจงหรืออธิบายสาเหตุให้ทราบ ได้หรือไม่คะ

    *** ปัจจุบันอายุ 36 ปี น้ำหนัก 70 กก. (จากเดิม 95 ไม่ได้เป็นความดัน หรือเบาหวานนะคะ แค่ลดน้ำหนักเพื่อให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวและไม่เหนื่อยง่ายค่ะ) ยังไม่มีบุตร และวางแผนว่าจะไม่มีค่ะ

      ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ  ladsakorn

    โดยปกติแล้วจะมีระยะของรอบประจำเดือนประมาณ 21 - 35 วัน และไม่เกิน 7 วัน ขึ้นกับแต่ละบุคคล หากมีประจำเดือนถี่ ห่าง หรือ นานเกินไป ถือว่าผิดปกติ

    อาการประจำเดือนไม่มาหรือมาไม่สม่ำเสมอนั้นเป็นสิ่งที่พบได้ค่อนข้างบ่อย ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาหรือมาไม่สม่ำเสมอนั้น มีหลายอย่าง เช่น   

    • ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ (ฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน) พบได้ในภาวะ การใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง การรับประทานยาหรืออาหารบางชนิดที่อาจมีฮอร์โมนเพศหญิงผสมอยู่ ความผิดปกติของการตกไข่ (ovarian dysfunction) การออกกำลังกายหนักเกินไป ก็ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอได้

    • การทำงานของไทรอยด์ หรือฮอร์โมนอื่นในร่างกายผิดปกติ

    • การตั้งครรภ์

    • ภาวะทางอารมณ์และจิตใจ อย่าง ความเครียด หรือซึมเศร้า เป็นต้น

      การคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัย หากใช้อย่างถูกต้องสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงค่ะ หากสังเกตว่าประจำเดือนยังไม่มา และสงสัยว่าเกิดจากอะไร แนะนำว่าควรต้องปรึกษาแพทย์อีกครั้งเพื่อการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดต่อไปค่ะ