ถามแพทย์

  • หยุดกินยาวัณโรคเองไป 2 สัปดาห์ เเล้วกลับมากินใหม่ มีโอกาสที่จะดื้อยาไหม

  •  เอออ ไรรร
    สมาชิก
    กินยาวัณโรคได้ประมาณ 2 สัปดาห์ เเล้วหยุดทานยาด้วยตัวเอง เพราะมีอาการ คลื่นไส้อาเจียนหนัก เเละมีอาการปวดท้องมาก คุณตาเลยให้หยุดยา หยุดได้ประมาณ 2 สัปดาห์ เเล้วกลับมาทานยาใหม่ ทานได้ 2-3 วันก็กลับมาอาเจียนหนักอีกครั้ง คราวนี้ทานยาได้ 6 วัน เเบ้วก็หยุดยาอีกครั้ง คราวนี้หยุดกินยายาว นานถึง 1 เดือน เพื่อจะมารักษาให้หายปวดท้อง ปวดท้องจนไม่ไหวเลยต้องไปรพ.หมอให้เเอดมิน ตอนเเรกให้จะให้อยู่รวมกับเด็กคนอื่นๆ เเต่หนูก็กลัวหนูไปเเพร่เชื้อให้กับเด็กคนอื่นๆเลยบอกกับหมอว่ากนูมีเชื่อวัณโรคอยู่หมอเลยให้นอนเเยกกับเด็กคนอื่น เเละมีหมอเด็กเข้ามาซักถามอาการเดียวกับวัณโรค เราก็ตอบไปว่าเราหยุดยาด้วยตนเอง หมอบอกว่ามีสิทธิ์ที่จะดื้อยา หมอเลยบอกว่า จะทำการรักษาอาการปวดท้อง ให้ 60-70 % เเล้วให้รีบไปรักษาวัณโรคต่อที่รพ.เดิม คำถามค่ะ 1 เเละตอนนี้รักษาวัณโรคต่อเเล้วเเต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนูจะดื้อยาใหม 2 เเละหนูอยากรู้ว่า ตรวจปอด ปอดเป็นฝ่า ต่อมน้ำเหลืองโตที่ปอด เเละต่อมน้ำเหลืองโตที่ท้อง อยากทราบว่าถ้ารักษาวัณโรคปอดเเล้วต่อมน้ำเหลืองทั้ง 2 ที่จะหานไปใหมค่ะ 3 เป็นวัณโรคปอด หมอเจอ ที่ปอดเป็นฝ่า เจอต่อมน้ำเหลืองโตที่ปอด เเต่ตรวจเสมหะเเล้วไม่พบเชื้อ เเปลว่าหนูเป็นวัณโรคเริ่มต้นใช่ใหมค่ะ ไม่ได้อยู่ในขั้นเเพร่เชื้อใช่ใหมค่ะ 4 ถ้าตรจเสมหะเเละไม่พบเชื้อ เเลเวหนูมีเชื้อที้ปอดประม่ณกี่เปอร์เซนค่ะ 5 คนที่มีเชื้อเเละอยู่ในขั้นเเพร่เชื้อ จะมีเชื้ออยู่ในร่างกาย กี่เปอร์เซ็นต์ค่ะ
    เอออ ไรรร  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณเอออ ไรรร

    วัณโรคปอดเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งภายในปอด ซึ่งอาจไปเกิดที่อวัยวะอื่นๆเช่นต่อมน้ำเหลือง ลำไส้ ได้เช่นกันแต่มักพบมากที่ปอด เป็นเชื้อแบคทีเรียที่โตช้าและใช้การรักษานานประมาณ 6-12 เดือนด้วยการกินยาเฉพาะที่ฆ่าเชื้อวัณโรค อาการมักมาด้วยไอเรื้อรัง ไอมีเลือดปน น้ำหนักลด ไข้ต่ำๆตอนกลางคืน ร่วมกับมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยวัณโรค ติดต่อกันผ่านทางการหายใจร่วมกัน จึงติดง่ายมาก

    การหยุดยาวัณโรคนั้นมีโอกาสทำให้เชื้อดื้อยาได้ และทำให้รักษาต่อได้ยากขึ้น จึงแนะนำไม่หยุดยาเองเด็ดขาด หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบกลับไปพบแพทย์ที่รักษาเพื่อตรวจดูว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากยาหรือสาเหตุอื่นๆ หากตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตทั่วๆอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับวัณโรคก็ได้ ส่วนใหญ่แล้ว หากไม่ได้เป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มักจะไม่เป็นวัณโรคกระจายไปหลายๆตำแหน่ง

    หากปอดเป็นฝ้าอยู่ แต่ตรวจเสมหะไม่พบเชื้อ ก็แสดงว่ายาที่กินเข้าไปอาจจะไปฆ่าเชื้อได้แล้วบางส่วน จึงไม่พบจากเสมหะ ไม่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ แต่หากหมดฤทธิ์ยาที่เคยกินเข้าไป เสมหะก็อาจจะกลับมาพบเชื้อเหมือนเดิม เพราะโรคมันยังไม่หายไปค่ะ

    แนะนำกลับไปพบแพทย์และรับยาต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชนหรืออยู่ใกล้เด็กเล็ก เพราะอาจแพร่กระจายเชื้อได้