ถามแพทย์

  • เคยเป็นหนองในแท้ อยากทราบว่ารักษาหายไหม และเชื้อจะยังอยู่ในร่างกายไหม

  •  Kanokvan Nan
    สมาชิก

    สวัสดีคะ รบกวนสอบถามคะ ในกรณีที่เคยเป็นหนองในแท้และหนองในเทียมเมื่อ 6 เดือนก่อน และหลังจากที่เป็นไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แต่มีอาการตกขาวบ้างแต่ไม่มากคะ อยากสอบถามดังนี้คะ

    1. ถ้าจะไปตรวจภายในจะเจอโรคนี้หรือไม่?

    2. ถ้าไปตรวจปัสสาวะจะเจอเชื้อหนองในหรือไม่

    3.ในกรณีที่ตรวจภายในกับตรวจปัสสาวะผลมันจะออกมาเหมือนกันหรือไม่คะ (ถ้าตรวจภายในแล้วไม่เจอแต่ถ้าตรวจปัสสาวะจะเจอหรือป่าวคะ)

    4. ถ้าเป็นซิลิฟิลิสโอกาสจะเป็นหนองในหรือไม่คะ

    5.เชื้อหนองในอยู่ในร่างกายนานเท่าไรคะ

    6.การรักษาหนองในแท้และหนองในเทียมใช้ระยะเวลานานเท่าไรคะ

    ขอบคุณมากคะ

     สวัสดีคะคุณ Kanokvan Nan

    การตรวจพบว่ามีปัญหาเรื่องของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ซึ่ง มักจะมีเรื่องของการติดเชื้อหนองในแท้ หนองในเทียม ไวรัสตับอักเสบ บี ไวรัสตับอักเสบซี เอส ไอ วี เริ่ม 

    คนไข้มักจะไปพบแพทย์ด้วยการอาการแสดงตามโรคค่ะ 

    ในกรณีของคุณ หมอคงต้องสอบถามเพิ่มเติมว่าการไปพบแพทย์ไปด้วยอะไรค่ะ เช่น มีตกขาวผิดปรกติ หรือ มีไข้ มีผื่น ค่ะ เพราะปรกติแล้ว ถ้าเป็นหนองในแท้ อาจจะมีปัญหาเรื่องของตกขาวผิดปรกติ มีปัสสาวะแสบขัด ถ้าเป็นหนองในเทียมมักจะเป็นเรื่องไข้ มีผื่นตามตัว อาจจะมีตกขาวหรือไม่ก็ได้ค่ะ 

    ถ้าไม่แน่ใจในเรื่องของการวินิจฉัยคงต้องดูว่าได้รับยาอย่างไรค่ะ

    ถ้ามีการฉีดยาเพนนิลซิน ก็จะนึกถึงหนองในเทียมค่ะ  ถ้าไม่แพ้เพนนิซิลลินนะค่ะ 

    ถ้าเป็นยากินอาจจะเป็นไดทั้งสองโรคคะ

    การตรวจจะแตกต่างกันค่ะ เนื่องจากการตรวจหนองในเทียมหรือ ซิฟิลิส ต้องได้รับการตรวจเลือดค่ะ เพื่อหาการตอบสนองของระบบภูมิกันของร่างกายต่อเชื้อค่ะ 

    คราวนี้มาตอบคำถามนะค่ะ 

    1. ถ้าจะไปตรวจภายในจะเจอโรคนี้หรือไม่?

    ถ้าตรวจภายใน อาจจะพบเรื่องของตกขาวที่ผิดปรกติได้ค่ะ ซึ่งอาจจะมีแต่เรื่องของจำนวนเม็ดเลือดขาวค่ะ นอกจากจะเอาตกขาวไปตรวจเพิ่มเติม เช่น การย้อน เพื่อหาเชื้อหนองในแท้ หรือ การตรวจเพราะเชื้อค่ะ 

    2. ถ้าไปตรวจปัสสาวะจะเจอเชื้อหนองในหรือไม่

    การตรวจปัสสาวะจะพบว่า มีจำนวนเม็ดเลือดขาวออกมากับปัสสาวะและตรวจพบเชื้อแบคทีเรียได้ค่ะ  แต่ไม่ได้บอกเฉพาะว่าเป็นเชื้ออะไรค่ะ

    3.ในกรณีที่ตรวจภายในกับตรวจปัสสาวะผลมันจะออกมาเหมือนกันหรือไม่คะ (ถ้าตรวจภายในแล้วไม่เจอแต่ถ้าตรวจปัสสาวะจะเจอหรือป่าวคะ)

    ผลออกมาเหมือนกัน ไม่ได้เป็นข้อสรุปค่ะ ควรจะได้รับการตรวจเลือดเพื่อตรวจหาหนองในเทียมค่ะ 

    4. ถ้าเป็นซิลิฟิลิสโอกาสจะเป็นหนองในหรือไม่คะ

    ซิฟิลิส เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้มีตกขาวผิดปรกติได้ค่ะ 

    5.เชื้อหนองในอยู่ในร่างกายนานเท่าไรคะ

    ปรกติถ้าได้รับการรักษา หนองในแท้จะหายไปค่ะ ส่วนหนองในเทียมก็จะหายไปได้ค่ะ แต่ไม่หายขาดนะค่ะ จะกลับมาตรวจเจอได้อีกครั้งถ้าร่างกายไม่ตอบสนองต่อยา หรือ ไม่ได้รับการรักษาค่ะ 

    6.การรักษาหนองในแท้และหนองในเทียมใช้ระยะเวลานานเท่าไรคะ

    ปรกติ การรักษา เป็นการให้ยาค่ะ 

    ยากินบางครั้งใช้ยาฆ่าเชื้อ เพียงการรับประทาน หนึ่งครั้ง 

    หรือ ยากินต่อเนื่อง สองสัปดาห์

    ในกรณีของซิฟิลิส เพนนิลซิน ฉีด หนึ่ง หรือ สามเข็ม ตามการพิจารณาของแพทย์ค่ะ ถ้าแพ้เพนนิซิลิน จะให้ยา กินต่อเนื่องเป็นเวลา สองสัปดาห์ค่ะ 

    ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคหนองในค่ะ

    โรคหนองใน ที่เข้าใจกันมี สองแบบค่ะ

    คือ

    1. Gonorrhea

    2. shyphilis

    ซึ่งทั้งสองโรคเป็นโรคการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ แต่ว่าเชื้อคนละตัวกันค่ะ

    การรักษาก็จะมีความแตกต่างกันค่ะ

    Gonorrhea: เป็นการติดเชื้อที่มีแบคทีเรียชื่อ  

    Neisseria gonorrhoeae bacteria ทำให้เกิดโรคค่ะ ซึ่งในเพศชายจะมาด้วยเรื่องของมีปัสสาวะเป็นหนองหรือมีหนองไหลออกมาจากท่อทางเดินปัสสาวะค่ะ

    อาการเริ่มต้น

    • มีหนองไหลออกมาทางท่อทางเดินปัสสาะหรือช่องคลอด

    • มีอาการปวดคันเวลาปัสสาวะ

    • มีปัญหาเรื่องประจำเดือนมามากและปวด

    • มีอาการปวดที่ลูกอัณฑะ

    • มีอาการปวดเวลาอุจจาระ

    • คันรอบๆ ทวารหนัก

    • การรักษา

    • ceftriaxone or cefixime ด้วยการฉีด หรือ ใช้ยา azithromycin chlamydia infection ซึ่งมักจะเกิดร่วมกันนค่ะ

    • ปกติยากินแนะนำให้กินหลังอาหารหรือพร้อมอาหารค่ะ เนื่องจากอาจจะมีอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ค่ะ

      Syphilis เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีเชื้อ bacterium Treponema pallidum เป็นตัวก่อโรคค่ะ

      • อาการจะแบ่งออกมาเป็นสี่ระยะค่ะ

        1. primary Syphilis

        2. secondary Syphilis

        3. latent Syphilis

        4. tertiary Syphilis

      • เริ่มแรกจะมาด้วยเรื่องแผลที่อวัยวะเพศ ซึ่งจะไม่มีอาการปวด คนไข้อาจจะไม่รู้ว่ามีการติดเชื้อ แผลที่เกิดขึ้นมักจะเกิดหลังการติดเชื้อหนึ่งอาทิตย์ค่ะมีผื่นตามตัว

      • ต่อมาจะเข้าสู่ระยะที่สองถ้าไม่ได้รับการรักษาคือ จะมีการของต่อมน้ำเหลืองโต ร่วมกับไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาการอาจจะเป็นแค่สองสามสัปดาห์

      • ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ระยะที่ไม่มีอาการและถ้ายังไม่ได้รับการรักษาอีกจะเข้าสู่ระยะที่สี่ซึ่งจะเชื้อจะมีผลต่อระบบประสาทและสมอง ตา หัวใจและหลอดเลือด และตับได้ค่ะ ปัญหาอาจจะเกิดตามหลังมาได้เป็นปีถ้าไม่ได้รับการรักษาค่ะ

      • การตรวจสามารถพบได้ในเลือด หรือ น้ำไขสันหลังค่ะ

      • การรักษา

      • penicillin  เป็นยาหลักที่ใช้ค่ะ ซึ่งจะต้องได้รับการฉีด อาจจะ หนึ่งครัั้ง หรือ ฉีดต่อกันสามครั้ง ครั้งละหนึ่งเข็มเป็นเวลาสามสัปดาห์

      • ถ้าไม่สามารถใช้ยาได้ อาจจะพิจารณายา doxycline 100 mg รับประทานหนึ่งเม็ดสองเวลาติดต่อกัน สองสัปดาห์

      • แนะนำตรวจเลือดซ้ำ สามเดือนหลังการรักษา

      • และนอกจากนี้อาจจะต้องตรวจเลือดตรวจเรื่องการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่น เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ซึ เอส ไอ วี

      • ร่วมด้วยค่ะ

      • แนะนำพบแพทย์ค่ะ