ถามแพทย์

  • ลูกชาย 6 ขวบมีไข้ หมอบอกติดเชื้อไวรัส เสี่ยงเป็นไข้เลือดออก ตอนนี้เกร็ดเลือดเกินแสนห้า จึงนัดเจาะเลือดอีกที

  •  Gift Kritsamon
    สมาชิก
    ลูกชายเป็น g6pd มีไข้ให้กินยาตั้งแต่วันอาทิตย์ วันต่อมามีอาการคล้ายๆไข้หวัด ให้กินยาแก้หวัดบวกลดไข้เช็ดตัวจนดีขึ้นวันพฤหัสไป ร.ร. กลับมาเป็นหนักจึงไปหาหมอในเช้าวันศุกร์ หมอบอกติดเชื้อไวรัส ตรวจน้ำมูก,ตรวจเลิอด หมอบอกเสี่ยงเป็นไข้เลือดออก ตอนนี้น้องเกร็ดเลือดเกินแสนห้ายังสุ่มเสี่ยงจึงอยาก นัดมาเจาะเลือดอีกวันอาทิตย์. ถ้าไข้ไม่ลงจึงจะให้นอน ร.พ. แต่เมื่อกี้น้องทีเลือดกำเดาไหลนิดนึงค่ะ เงยหน้าแล้วหาย

     สวัสดีค่ะ คุณ Gift,

                โรคไข้เลือดออก เกิดจาการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำเชื้อ โดยระยะฟักตัวของโรคใช้เวลาเฉลี่ย 5-7 วันหลังโดนยุงกัด (สั้นสุด 3 วันและยาวสุด 15 วัน) อาการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

               ระยะไข้ ผู้ป่วยจะมีไข้สูงลอย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจมีจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง ซึ่งจะไม่มีอาการคัน หรือมีเลือดออกบริเวณอื่นๆ เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล อาเจียนมีเลือดปน อาการจะเป็นอยู่ประมาณ 2-7 วัน 

               ระยะช็อก ผู้ป่วยนบางรายที่ไข้ลง จะเกิดน้ำรั่วออกจากเส้นเลือด ทำให้มีอาการทรุดลง เช่น ซึมลง กระสับกระส่าย เหงื่อออก ปลายมือปลายเท้าเย็น หัวใจเต้นเร็วและเบา ปัสสาวะออกน้อย ท้องโตขึ้น หายใจหอบเหนื่อย เนื่องจากมีน้ำรั่วเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอดและช่องท้อง บางรายมีเลือดออกมากร่วมด้วย เช่น เลือดออกในทางเดินอาหารทำให้อุจจาระสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือด ผู้ป่วยในระยะนี้อาจมีอาการช็อกจากความดันโลหิตที่ต่ำลงและมีโอกาสเสียชีวิตได้ ซึ่งระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 1 - 2 วัน แต่ในบางรายหลังจากไข้ลง ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นจากระยะที่เป็นไข้เข้าสู่ระยะพักฟื้นเลย

                 สำหรับการวินิจฉัยว่าเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ การดูจากอาการเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถระบุได้แน่นอน ต้องอาศัยการตรวจเลือด โดยเฉพาะการดูปริมาณเกร็ดเลือดอย่างที่ลูกชายได้ตรวจไปค่ะ หากตรวจพบเกร็ดเลือดที่ต่ำกว่า 100,000 ตัวต่อไมโครลิตร มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นไข้เลือดออก ซึ่งบางรายแพทย์อาจส่งเลือดตรวจหาแอนติบอดี้ต่อเชื้อไวรัสเดงกี เพื่อเป็นการยืนยันการวินิจฉัย

               การมีเลือดกำเดาไหล นอกจากเกิดจากโรคไข้เลือดออกได้แล้ว ยังอาจมีสาเหตุอื่นๆ เช่น การแคะจมูก จามบ่อย ๆ สั่งน้ำมูกแรงเกินไป การใช้ยาบางชนิดที่มีผลทำให้โพรงจมูกแห้ง เช่น ยาลดน้ำมูก อากาศที่ร้อนและแห้งเกินไป รวมถึงการมีไข้สูงก็เป็นสาเหตุของเลือดกำเดาไหลที่พบได้บ่อยในเด็ก

             หากเลือดกำเดาของลูกชายได้หยุดไหลไปแล้ว ก็ไม่ถือว่าอันตรายค่ะ แต่หากเลือดกำเดายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ หรือมีเลือดออกตามไรฟันตลอด มีถ่ายเหลวสีดำ อาเจียนเป็นเลือด เด็กดูซึมลง หรือดูกระสับกระส่าย มีเหงื่อออกทั่วตัว ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะออกน้อย ท้องโตขึ้น หายใจหอบเหนื่อย ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดค่ะ

    Gift Kritsamon  Gift Kritsamon
    สมาชิก
    ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ เมื่อคืนน้องตัวเย็นเช้าตื่นมา 10.26 ตัวยังเย็นอยุ่ แต่ตกใจเล้กน้อยเลือดเปรอะเสื้อเยอะทีเดียว แต่พออ่านคอมเม้นคุณหมอค่อยรุ้สึกดีขึ้นค่ะ ดูจากยาที่ รพ.จ่ายมาให้ มียาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่มาให้2 กระปุก อยากทราบว่าหากน้องดีขึ้นเช่นนี้ไม่ซึมแต่มีอาการแค่ไอ เมิ่อเช่ามีถ่าย 1 ครั้งเหลว น้องต้ิงทานยาจนหมดหรือเปล่าคะ

    หากได้เริ่มทานยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ไปแล้ว แนะนำให้ทานต่อเนื่องจนหมดค่ะ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม ส่วนยาอื่นๆ เช่น ยาลดไข้ ลดน้ำมูก แก้ไอ ให้ทานเฉพาะเมื่อมีอาการค่ะ สำหรับอาการถ่ายเหลว เป็นอาการที่สามารถพบได้หากเป็นไข้หวัดใหญ่ค่ะ แนะนำช่วงนี้ให้ทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด ดื่มน้ำมาก และหลีกเลี่ยงการทานขนมต่างๆ ด้วยนะคะ ขอให้น้องอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

    Gift Kritsamon  Gift Kritsamon
    สมาชิก
    ขอบคุณมากค่ะคุณหมอสลิล วันนี้น้องมีอาการดีขึ้นไม่มีถ่ายเหลว แต่มีอาการไออยุ่และมีน้ำมูกเล็กน้อย ตัวเย็นๆ สลับกับรุม จึงยังให้ทานยาอยุ่ น้องร่าเริงทานข้าวได้เยอะ คุยและเล่นได้ปรกติ. ตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้จึงไม่ได้ไปตรวจเลือดซ้ำค่ะ สอบถามค่ะ อาการแบบนี้พรุ่งนี้น้องควรหยุดเรียนมั้ยคะ กลัวไข้จะกลับเหมิอนคราวที่แล้วค่ะ

    หากตอนกลางคืนวันนี้น้องยังคงมีไข้ต่ำๆ หรือมีไข้ตอนเช้า แนะนำให้หยุดเรียนก่อนค่ะ แต่หากน้องไม่มีไข้แล้ว ไม่มีอาการซึม ไม่มีเลือดกำเดาไหลอีก ทานข้าวได้ปกติ ไม่อาเจียน ไม่ถ่ายเหลว สามารถไปโรงเรียนได้ค่ะ แม้จะมีอาการไอบ้างและมีน้ำมูกเล็กน้อยอยู่

    Gift Kritsamon  Gift Kritsamon
    สมาชิก
    ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ วันนี้ให้น้องไป ร.ร. วันแรกค่ะ