สัมผัสกับคนที่เป็นเริมเมื่อเดือน ม.ค. เมื่อวานมีตุ่มน้ำใสที่ริมฝีปาก แกะจนเป็นแผล ไม่แสบ ไม่คัน เป็นเริมไหม

สวัสดีค่ะ คุณ happyphone,

                     ระยะฟักตัวของโรคเริมนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน ดังนั้น หากมีประวัติการสัมผัสกับโรคเริมมาตั้งแต่เดือน ม.ค. แล้วเพิ่งมาเกิดอาการในเดือน มี.ค. จึงไม่น่าใช่ ยกเว้นกรณีที่เคยเป็นเริมมาก่อนแล้ว ก็อาจเป็นโรคเริมที่กำเริบขึ้นมาได้ โดยการเกิดเป็นเริมซ้ำในครั้งหลังๆ ก็จะไม่ได้เกิดจากการติดมาจากผู้อื่นอีก แต่เกิดจากการกำเริบของเชื้อไวรัสที่แอบแฝงอยู่ในร่างกายของเราไปตลอดชีวิตค่ะ โดยการกำเริบของโรคเริม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างๆ หากร่างกายเราอ่อนแอ ก็มักจะกำเริบขึ้นมาค่ะ

                     สำหรับโรคเริมที่ริมฝีปากนั้น จะมีอาการคือ มีตุ่มน้ำใส ซึ่งมีอาการเจ็บปวดหรือแสบร่วมด้วย ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกออกเป็นแผล และจะตกสะเก็ดแห้งไปในภายในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ดังนั้น หากไม่มีอาการเจ็บ หรือแสบร่วมด้วย ก็ไม่น่าใช่โรคเริม ซึ่งตุ่มน้ำใส อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีก เช่น

                     - การแพ้สัมผัส เช่น แพ้ลิปสติก ยาสีฟัน หรือแพ้อาหารที่ทานเข้าไป เป็นต้น แต่มักมีอาการคันร่วมด้วย

                     - การโดนแมลงสัตว์กัดต่อย ซึ่งอาจเกิดจากพิษของแมลงหรือการแพ้ แต่จะทำให้เกิดริมฝีปากบวมแดงบริเวณที่โดนกัด และอาจมีตุ่มน้ำขึ้นได้ มักมีอาการคันหรือเจ็บแสบร่วม

                    - เป็นถุงน้ำเมือก (mucocele) เกิดจากการอุดตันของท่อของต่อมน้ำลายขนาดเล็กๆ บริเวณริมฝีปากและมีการรั่วไหลของน้ำเมือกออกมาอยู่รอบๆ เนื้อเยื่อแถวนั้น ทำให้เห็นเป็นก้อนนูนได้ ไม่มีอาการเจ็บหรือปวด 

                    ในเบื้องต้น ก็ไม่ควรไปแกะแผลต่ออีก เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ หลีกการใช้สิ่งของที่อาจแพ้ได้ต่างๆ ไปก่อน งดการใช้ลิปมันและลิปสติก หากแผลที่เกิดจากการแกะไม่หายไป หรือเกิดการบวมแดงรอบๆ แผล ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ