ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มา ตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ เกิดจากอะไร

  •  ss.chom
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ..

    มีความกังวลค่ะตอนนี้ ประจำเดือนมาล่าสุด 15 มีนาคม ปกติแล้วประจำเดือนจะมาตรงทุกๆเดือน (28-29 วัน ประจำเดือนจะมา) แต่วันนี้ 29 เมษายน ประจำเดือนยังไม่มาค่ะ ซึ่งตรวจครรภ์โดยปัสสาวะในช่วงเช้าของวันที่ 20 - 21 เมษายน และ 27 เมษายน ได้ผลลบ จึงไปตรวจเลือดหาค่าที่โรงพยาบาลค่ะ ปรากฏว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น จึงกังวลว่ามีอะไรผิดปกติในร่างกายหรือไม่ 

    ปล.แต่ในช่วงตั้งแต่สิ้นเดือน ก.พ.จนถึง ก่อนช่วงสงกรานต์ ดิฉันเริ่มออกกำลังโดยการวิ่งวันละประมาณ 3-5 กิโลฯ อาทิตย์ ละ 5-6 วัน ค่ะ ไม่แน่ใจว่ามีผลกับฮอร์โมนในร่างกายหรือเปล่าคะ และ สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ประจำเดือนมาปกติ เช่น ทานยาสตรีเบนโลได้หรือไม่คะ (ไม่เคยทาน) เพราะกังวลมากค่ะ รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ ... ขอบคุณค่ะ 

    ss.chom  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ ss.chom

    ประจำเดือนมาช้าอาจมีสาเหตุได้จาก

    1. ตั้งครรภ์

    2. โรคทางกายอื่นๆที่ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติ เช่นโรคไทรอยด์ โรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง

    3. โรคเกี่ยวกับมดลูกและรังไข่ เช่นมีถุงน้ำในรังไข่  พังผืดในมดลูก ทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ

    4 ความเครียด การพักผ่อนน้อย

    5 การออกกำลังกายหนักจนเกินไป

    หากตรวจการตั้งครรภ์โดยแพทย์แล้วไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ อาจจะต้องหาสาเหตุอื่นต่อไป ซึ่งการวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับมดลูกและรังไข่อาจใช้การอัลตราซาวน์หน้าท้องช่วย ส่วนโรคไทรอยด์อาจตรวจได้จากการตรวจเลือดค่ะ แนะนำกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมนะคะ

    การดูแลตัวเองเบื้องต้น ไม่ควรซื้อยาสตรีเบนโลมารับประทานเอง เพราะอาจทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนกว่าเดิม หากจะมีเพศสัมพันธ์ควรป้องกันด้วยถุงยางอนามัยหรือยาคุมกำเนิด