อายุ 18 ปี ประจำเดือนมาปีละ 2-3 ครั้ง ช่วงนี้มีอาการตกขาว มีกลิ่นเหม็นมาก และมีเลือดปนด้วย อันตรายไหม

สวัสดีค่ะ คุณ tbbb3,

                 อาการตกขาวปนเลือด มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ถือเป็นตกขาวที่ผิดปกติ อาจเกิดจาก

                1. มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก นอกจากอาการตกขาวปนเลือดแล้ว มักมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกกะปริดกะปรอย เป็นต้น แต่หากอายุเพียงแค่ 18 ปี สาเหตุจากโรคมะเร็งนี้ก็เป็นไปได้น้อย

              2. เป็นเลือดออกกะปริดกะปรอย และปนมากับตกขาว สาเหตุ เช่น มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ หรืออาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด รวมถึงยาบางอย่าง เช่น ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ยาต้านเศร้า เป็นต้น

              3.การติดเชื้อต่างๆ ในช่องคลอด เช่น การติดเชื้อราในช่องคลอด  ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ติดเชื้อปรสิต ติดเชื้อหนองในแท้หรือหนองในเทียม ส่วนใหญ่จะมีตกขาวที่ผิดปกติ โดยมักมีสีผิดปกติ เช่น เขียว เหลือง และมีกลิ่นเหม็นผิดรุนแรง มีอาการแสบและคันช่องคลอดหรืออวัยวะเพศภายนอกร่วมด้วย อาจมีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะแสบขัด และปวดท้องน้อยร่วม

               ส่วนอาการมีประจำเดือนมาน้อย คือมาเพียงปีละ 2-3 ครั้ง ถือเป็นอาการที่ผิดปกติเช่นกัน โดยอาจเกิดจาก

              - ภาวะ มีภาวะที่รังไข่ทั้ง  2 ข้างมีถุงน้ำขนาดเล็กจำนวนมาก เรียกว่า polycystic ovary syndrome (PCOS) โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีรูปร่างอ้วน ผิวมัน มีสิวเยอะ และมีขนดกมากกว่าผู้หญิงทั่วไป    

              - โรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ซึ่งเซลล์ไขมันสามารถสร้างฮฮร์โมนเอสโตรเจนได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อมีปริมาณมากเกิน จึงกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศที่ปกติได้ 

               -  มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ หรือไทรอยด์ฮอรโมนต่ำ

               แนะนำว่าควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของตกขาวที่ผิดปกติและการมีประจำเดือนน้อยดังกล่าวค่ะ  ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นะคะ