ถามแพทย์

  • หลังจากหยุดฉีดยาคุม ประจำเดือนไม่มา 6 เดือน ตรวจแล้วไม่ท้อง มีตกขาวปนเลือดออกมา เป็นมะเร็งไหม

  • ขอถามหน่อยค่ะคือหนูตกขาวปนเลือดอ่ะค่ะบอกก่อนน่ะค่ะว่าไม่เปนป.จ.ดมา6เดือนแล้วตรวจแล้วไม่ท้องพึ่งตรวจมะคืนค่ะแต่ฉีดยาคุมมาเกือบ2ปีค่ะแต่ตอนนี้เลิกฉีดตั้งแต่ต้นปีค่ะเดือนที่แล้วเปนตกขาวปนเลือดมา2ครั้งครั้งแรกเปน1วันพอครั้งที่2เปน3วันค่ะเดือนนี้ก้พึ่งเปนอีกค่ะ คือมันมีความเสี่ยงเปนมะเร็งปากมดลูกไหมค่ะคือกันวนมากค่ะรึว่าเปนอะไรค่ะคัยรุ้ช่วยตอบหน่อยค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ บุณยทรรศน์ อินอ่อน,

                        โดยทั่วไป เมื่อหยุดฉีดยาคุมกำเนิด รังไข่จะยังไม่กลับมาทำงานได้ทันทีและประจำเดือนอาจจะยังไม่มาเป็นปกติได้ ซึ่งโดยเฉลี่ยประมาณ  4-10 เดือน ประจำเดือนก็จะเริ่มกลับมาเป็นปกติ แต่บางรายอาจใช้เวลานานเป็นปีได้ ดังนั้นการที่ประจำเดือนยังไม่มาหลังจากหยุดฉีดยคุมไป 6 เดือนดังกล่าว จึงน่าจะเกิดจากรังไข่ยังไม่กลับมาทำงานเป็นปกติ อีกทั้งหากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์แล้วไม่พบ ก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ

                         ส่วนอาการตกขาวปนเลือด ที่เพิ่งเริ่มเป็นเมื่อเดือนก่อน อาจเกิดจาก

                         1. เป็นประจำเดือนที่เพิ่งจะเริ่มกลับมา และออกมาปนกับตกขาว

                         2. มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก แต่นอกจากอาการตกขาวปนเลือดแล้ว มักมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกกะปริดกะปรอย ปวดท้องน้อย เป็นต้น

                         3. เป็นเลือดออกกะปริดกะปรอย และปนมากับตกขาว สาเหตุ เช่น มีติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ อาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาสตรี ยาสมุนไพร อาหารเสริม เป็นต้น

                         4 .การติดเชื้อต่างๆ ในช่องคลอด หรือติดเชื้อในมดลูก แต่มักจะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย

                         หากเลือดที่ออกเป็นเดือนละ 1 ครั้ง ก็น่าจะเป็นประจำเดือนได้ แต่หากมีตกขาวที่ผิดปกติออกมาเรื่อยๆ หรือเลือดออกแบบกะปริดกะปรอย หรือมีปวดท้องน้อย ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ