ถามแพทย์

  • การตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่ตั้งครรภ์ ทานยาปรับฮอร์โมนประจำเดือนก็ยังไม่มา สรุปมีโอกาสตั้งครรภ์ไหม

  •  Kaeww
    สมาชิก
    30 กันยา62ประจำเดือนมาวันแรก 14 ตุลา 62มีเพศสัมพันธ์กับแฟนหลั่งนอกเวลา 13:00 น กินยาคุมฉุกเฉิน 13:00 น. เม็ดที่สองกินเวลา01.00น.วันที่ 15 ตุลา 62 20 ตุลา 62 มีเลือดออกคล้ายประจำเดือน3วัน ปัจจุบัน12พย.62ประจำเดือนขาดมาแล้ว 14 วันตรวจการตั้งครรภ์แบบปัสสาวะผ่านวันที่ 8พย.62 ผลคือไม่ตั้งครรภ์ วันที่13 พย. 62 ไปตรวจการตั้งครรภ์กับสูตินรีแพทย์ โดยการตรวจปัสสาวะ ผลคือไม่ตั้งครรภ์ แพทย์จึงให้ยาnorethisterone ขนาด 5 mgเริ่มกินวันที่13พย62โดยให้ทานวันละสองเม็ดหลังอาหารเช้าและเย็นและหมอแจ้งและหมอแจ้งว่าหลังจากยาหมด1-3วันจะมีประจำเดือนมา ยาหมดวันที่18พย62 ผ่านมาสามวันแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ตรวจการตั้งครรภ์โดยชุดตรวจ เช้าวันที่21พย62ผลคืผลคือไม่ตั้งครรภ์อยากทราบว่าการที่ประจำเดือนไม่มาจะมีโอกาสจะมีโอกาสตั้งครรภ์หรือไม่ เพราะอะไรประจำเดือนถึงยังไม่มาคะ

    คุณ KAeww

    ปกติ ยาตัวนี้เป็นอนุพันธ์ของ Progestin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เตรียมพร้อมของผนังมดลูกให้ไข่มาผสม  ปจด จึงยังไม่มีการลอกตัว   ถ้าไข่ไม่มีการผสม ระดับฮอร์โมนนี้ก็จะตกทำให้ผนักงมดลูกลอกตัวออกมาเป็นประจำเดือน จึงมักใช้ในกรณี 1 อาการก่อนมี ปจด 2 ปจด มามาก 3 เพื่อเลื่อนปจด สำหรับคนมีกิจกรรมที่ไม่ต้องการมี ปจด ช่วงนั้น เช่น นักกีฬา  หรือ ไปเที่ยว ตปท   หลังกิน 2-3 วันจะมี ปจด หลุดลอกออกมา แต่ในกรณีของคุณยังไม่มี ปจด ออกมา คงน่าเกี่ยวข้องกับการริน ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่ง เป็นฮอร์โมนอีกตัวที่ป้องกันการตกไข่  ไม่มีไข่ออกมา   ทำให้ระดับฮอร์โมนรวมๆ เปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ    การกินยาตัวนี้จึงไม่เกี่ยวกับการตกไข่  ถ้ามี พสพ แล้วมีไข่ตกก็อาจจะมีการตั้งครรภ์ได้  แต่เมื่อหยุดกินยา รกลอกตัว ไข่เกาะไม่ได้ก็จะหลุดออกมาได้เอง ทำให้ไม่สามารถท้องได้   อธิบายด้วยคำพูดคงเข้าใจยาก  ลองหาดูเป็นกราฟ ตามเวป จะทำให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ เพราะมีวงรอบของ ปจด เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    สรุปว่า การที่ประจำเดือนไม่มา ไม่น่าเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เพราะว่า ตรวจการตั้งครรภ์หลายครั้งตรงกันว่าไม่ท้องแสดงว่าไม่มี HCG ที่เกิดจากรก ออกมา  การตรวจการตั้งครรภ์ปกติ เชื่อถือได้ 99 %

    สาเหตุที่ ปจด ยังไม่มา หลังหยุดยา 3 วัน ซึ่งน่าจะเกิดจากการทานยาคุมฉุกเฉิน การวิตกกังวล ความเครียด ซึมเศร้า หรือ ความสมดุลย์ของระดับฮอร์โมนมากกว่าครับ ต้องไม่มีโรคถุงน้ำรังไข่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยครับ   ควรกลับไปพบแพทย์เพือขอคำวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องดีกว่าครับ ระหว่างนี้ เลิกเครียด ทำตัวให้สบายๆ พักผ่อนให้พอเพียงไปก่อนครับ