อาการมะเร็งปอด กับสัญญาณอันตรายที่ควรไปพบแพทย์

มะเร็งปอดเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ส่วนหนึ่งภายในปอด ซึ่งถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยและอาจมีอันตรายถึงชีวิต แม้ผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นอาจจะยังไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการมะเร็งปอดที่ชัดเจน แต่ผู้ป่วยบางรายก็อาจมีอาการบางอย่างที่สามารถสังเกตได้ ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับอาการมะเร็งปอดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากผู้ป่วยเข้าพบแพทย์และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็อาจช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

อาการมะเร็งปอด

มะเร็งปอดคืออะไร ?

มะเร็งปอด เป็นโรคที่เกิดจากเซลล์ส่วนใดส่วนหนึ่งภายในปอดที่มีความผิดปกติ ซึ่งเซลล์มะเร็งปอดจะเจริญเติบโตและแบ่งตัวอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้จนกลายเป็นเนื้อร้าย และอาจแพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ โดยอาจแบ่งตามขนาดของเซลล์บริเวณที่เกิดมะเร็งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก และมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก ทั้งนี้ มะเร็งปอดอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสูบบุหรี่ การสูดดมควันบุหรี่จากคนรอบข้าง ก๊าซเรดอน และสารพิษหรือมลภาวะต่าง ๆ เป็นต้น

อาการมะเร็งปอด

แม้ผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนใหญ่มักไม่ค่อยแสดงอาการในระยะแรก ๆ แต่ผู้ป่วยก็อาจมีอาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกเมื่อมีการเจริญเติบโตของมะเร็งมากขึ้น ซึ่งอาการมะเร็งปอดที่อาจพบได้ มีดังนี้

  • ไอเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน ซึ่งบางครั้งอาจมีเลือดปนหรือมีเสมหะที่มีสีคล้ายสนิมร่วมด้วย
  • รู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอก โดยเฉพาะเวลาหายใจลึก ๆ ไอ หรือหัวเราะ
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่มีสาเหตุ
  • พบปัญหาการหายใจ เช่น หายใจไม่อิ่ม หายใจเหนื่อยหอบ หรือหายใจลำบาก เป็นต้น
  • รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนแรง
  • เกิดการติดเชื้อหรือมีอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานหรือเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่น หลอดลมอักเสบ และปอดบวม เป็นต้น
  • ไข้ขึ้นในลักษณะที่เป็น ๆ หาย ๆ
  • เสียงแหบ
  • หายใจมีเสียงหวีด

หลังจากที่มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ผู้ป่วยอาจมีอาการที่นอกเหนือจากข้างต้นโดยขึ้นอยู่กับบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการต่าง ๆ ดังนี้

  • ระบบประสาทเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมะเร็งได้แพร่กระจายไปยังสมองและไขสันหลัง ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดศีรษะ รู้สึกชาหรืออ่อนแรงบริเวณแขนหรือขา เวียนศีรษะ พบปัญหาการทรงตัว หรือชัก
  • รู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณกระดูก
  • กลืนอาหารลำบาก
  • มีอาการของภาวะดีซ่าน เช่น ผิวเหลือง และตาเหลือง เป็นต้น
  • เกิดก้อนขึ้นที่บริเวณผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการที่มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังผิวหนังหรือต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยอาจเกิดขึ้นที่บริเวณคอ เหนือกระดูกไหปลาร้า หรือผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

อย่างไรก็ตาม อาการที่กล่าวมาข้างต้นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่มะเร็งปอดได้เช่นกัน ดังนั้น หากสงสัยว่าตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดกำลังมีอาการใด ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงมะเร็งปอด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยทันที

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด

หากคุณมีอาการใด ๆ ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคมะเร็งปอด โดยเฉพาะอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะที่มีสีคล้ายสนิมหรือมีเลือดปน หายใจมีเสียงหวีด เสียงแหบ หรือมีอาการติดเชื้อที่ปอด คุณควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการดังกล่าวทันที โดยแพทย์อาจสอบถามผู้ป่วยเบื้องต้นเกี่ยวกับสุขภาพโดยทั่วไปและอาการผิดปกติที่พบ นอกจากนี้ แพทย์อาจตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การตรวจการหายใจด้วยเครื่องสไปโรมิเตอร์ การตรวจเลือด การเอกซเรย์ทรวงอก การทำซีทีสแกน การทำเพทซีทีสแกน การส่องกล้องและการตัดชิ้นเนื้อ เป็นต้น

ทั้งนี้ คุณอาจเตรียมความพร้อมก่อนเข้าพบแพทย์ได้ด้วยการสังเกตและบันทึกอาการของตนเอง รวบรวมรายชื่อยาทั้งหมดที่รับประทาน รวมถึงประวัติทางการแพทย์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ คุณอาจพาคนในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิดไปพบแพทย์ด้วย เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของคุณที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยของแพทย์อีกด้วย

วิธีป้องกันมะเร็งปอด

แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปอดที่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปอาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ด้วยการไม่สูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการรับหรือสูดดมควันบุหรี่ ยาสูบทุกชนิด รวมทั้งป้องกันตนเองจากมลภาวะหรือควันพิษต่าง ๆ อีกด้วย โดยผู้ที่ต้องอยู่ในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายหรือสารพิษที่อาจเป็นสารก่อมะเร็งควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษหรือสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการเลือกรับประทานให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสม และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ