สครับผิว วิธีดูแลผิวพรรณให้กระจ่างใสด้วยตนเอง

ผิวแห้ง คล้ำเสีย หรือหยาบกร้าน อาจเป็นปัญหาที่ทำให้ใครหลายคนหมดความมั่นใจ แต่การสครับผิวหรือการขัดผิวด้วยวัตถุดิบใกล้ตัว เช่น น้ำตาล กาแฟ หรือเกลือ อาจช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและกระจ่างใสขึ้นได้ เพียงแต่ต้องสครับผิวให้ถูกวิธีและเหมาะสมกับสภาพผิวของตนเองด้วย เพราะหากสครับผิวอย่างไม่ระวังอาจเกิดการระคายเคืองและปัญหาผิวพรรณตามมาได้

สครับผิว

ทำไมต้องสครับผิว ?

ปัจจัยอย่างอายุหรือสภาพผิวแห้งกร้านอาจทำให้การผลัดเซลล์ผิวใหม่ทำได้ยากขึ้น เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วจึงเกาะรวมกันจนผิวดูหยาบกร้าน หมองคล้ำ และรูขุมขนอาจอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุของสิวได้ การสครับผิวจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นและกลับมาเนียนนุ่มอีกครั้ง

คำแนะนำในการสครับผิว

ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำวิธีสครับผิวที่เหมาะสมกับผิวแต่ละประเภท ดังนี้

  • ผิวที่เป็นสิวง่าย การสครับผิวอย่างอ่อนโยนช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ ส่วนการสครับผิวแรงเกินไปอาจทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผิวหนังอาจเกิดการอักเสบและทำให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  • ผิวคล้ำ ผู้ที่มีผิวประเภทนี้ควรระมัดระวังขณะสครับผิว เพราะอาจเกิดการอักเสบและเกิดจุดด่างดำ จนส่งผลให้มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งยากที่จะทำให้ผิวกลับมาเนียนสวยเหมือนเดิมได้  
  • ผิวบอบบาง แพ้ง่าย การสครับผิวอาจทำให้ผิวระคายเคือง เกิดรอยแผลเป็น และหลุดลอกออกได้ ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ แห้งกร้าน และไวต่อแสงแดด ดังนั้น ควรบำรุงผิวทุกครั้งหลังการสครับผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันปัญหาผิวดังกล่าว

ตัวอย่างสูตรสครับผิว

  • น้ำตาล ผสมน้ำตาล 1/2 ถ้วย กับน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าว 1/4 ถ้วย และน้ำมันหอมระเหยดอกลาเวนเดอร์ 3 หยด คนให้เข้ากันก่อนนำไปสครับผิว โดยขัดวนเป็นวงกลมเบา ๆ จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซึ่งคุณสมบัติของน้ำมันมะกอกและน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ อาจช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและรู้สึกผ่อนคลายได้
  • เกลือ ใช้เกลือสมุทร 1/2 ถ้วย ผสมกับบัตเตอร์มิลค์ 1 ถ้วย และแตงกวาขูด 1 ลูก จากนั้นนำมาสครับผิว โดยเฉพาะผิวบริเวณที่แห้งกร้าน เช่น ข้อศอก หรือหัวเข่า แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทั้งนี้ ไม่ควรขัดผิวหลังโกนขน เนื่องจากเกลืออาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
  • ขิง นำผงขิงปริมาณเล็กน้อย ผสมกับน้ำตาลทรายแดง 2 ถ้วย และน้ำมันมะกอก 1 ถ้วย คนให้เข้ากัน แล้วนำมาสครับผิวทั่วร่างกายโดยขัดวนเป็นวงกลม โดยเฉพาะบริเวณข้อศอก ส้นเท้า และหัวเข่า จากนั้นจึงล้างออกด้วยครีมอาบน้ำและเช็ดให้แห้งด้วยผ้าขนหนู
  • แอลกอฮอล์ ผสมสุราเตกีลา 1/2 แก้วช็อต กับเกลือสมุทร 1 ถ้วย และน้ำมันมะกอก 2 ออนซ์ คนให้เข้ากัน ทาบนผิวที่เปียก ขัดเป็นวงกลมสักพัก ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วบำรุงด้วยครีมทาผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  • กาแฟ นำผงกาแฟสด 1/4 ถ้วย น้ำตาล 1/4 ถ้วย และกิ่งโรสแมรี่สดยาวประมาณ 14 นิ้ว มาผสมให้เข้ากัน แล้วสครับผิว โดยเฉพาะบริเวณผิวที่หยาบด้าน
  • ทับทิม ปั่นเมล็ดทับทิม 2 ช้อนโต๊ะ กับข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย จากนั้นนำมาผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ และบัตเตอร์มิลค์ 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ก่อนสครับผิวหน้าเบา ๆ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน นอกจากนี้ อาจผสมน้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วย หากต้องการสครับผิวกายบริเวณที่แห้งกร้าน เช่น ข้อศอก หรือตาตุ่ม

สครับผิวบ่อยแค่ไหนดี ?

ความถี่ในการสครับผิวขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิวด้วย เพราะผู้ที่มีอายุมากอาจมีสภาพผิวที่แห้ง และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย นอกจากนีี้ สภาพอากาศยังเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากอากาศร้อนอาจทำให้เหงื่อออกง่าย และกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามาก ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังเกิดการอุดตัน หรือเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทั้งนี้ ไม่ควรสครับผิวทุกวัน เพราะร่างกายต้องใช้เวลาในการผลัดเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ โดยผู้ที่มีสภาพผิวแห้งควรสครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนผู้ที่มีผิวมันควรสครับผิวสัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง เนื่องจากเกิดการผลัดเซลล์ผิวช้ากว่าผู้ที่มีผิวแห้ง  

ข้อควรระวังในการสครับผิว

การสครับผิวควรทำขณะผิวเปียก เพราะการขัดเนื้อสครับลงบนผิวที่แห้งอาจทำให้ผิวระคายเคือง เป็นรอยช้ำ หรือเกิดแผลได้ และไม่ควรสครับผิวแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังอักเสบและมีปัญหาเรื่องจุดด่างดำตามมาได้ หากพบอาการระคายเคืองหรือมีผดผื่นเกิดขึ้นในขณะสครับผิว ควรหยุดสครับผิวแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที และควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นทุกครั้งหลังการสครับผิว เพื่อป้องกันผิวแห้งเสีย

นอกจากนั้น การสครับผิวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ซึ่งมักเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปและไม่รุนแรงมาก เช่น รู้สึกคัน เจ็บแสบ ระคายเคืองผิว แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรงมาก เช่น ผิวไหม้ เป็นลมพิษ รู้สึกคล้ายจะเป็นลม คอบวม หายใจลำบาก แม้อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่หากมีอาการควรรีบไปพบแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม การสครับผิวอาจไม่เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสิวอักเสบ มีหนอง ผู้ป่วยโรคเริม หูด และผู้ป่วยโรคโรซาเซีย (Rosacea) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนสครับผิว เพราะอาจเสี่ยงเกิดการอักเสบรุนแรงและติดเชื้อที่เป็นอันตรายได้